วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

หมากฝรั่ง ก็มีประโยชน์



หมากฝรั่ง ช่วยลดอาการเสียดท้อง

ถ้าเคี้ยวหมากฝรั่งหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ จะช่วยลดกรดไหลย้อนกลับได้

หมากฝรั่งช่วยให้สุขภาพฟันดูสดใส แต่จะต้องเป็นแบบซูการ์ฟรีเท่านั้น !

การเคี้ยวหมากฝรั่งเป็นประจำ จะช่วยลดอาการฟันผุได้

เพราะหมากฝรั่งช่วยลดกรดในช่องปาก และความเหนียวของหมากฝรั่ง จะช่วยทำให้ฟันสะอาดดีด้วย เพราะหมากฝรั่งจะช่วยเข้าไปทำให้อาหารหลุดออกมาได้.
ทิชชูกับมะเร็งปากมดลูก



มะเร็งปากมดลูกไม่จำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์ แต่เกิดได้จากการใช้ทิชชูในเวลาทำกิจวัตร จะเกิดจากเป็นเชื้อราเล็กๆ และขยายวงกว้างจนกลายเป็นมะเร็งร้าย


ตอนนี้ข้าพเจ้าเป็นเชื้อราเล็กๆ อยู่จึงไม่กังวลมาก แต่สาเหตุที่แท้จริงคือทิชชูมีสารเคมีตัวฉกาจที่เมื่อใช้เป็นเวลานานติดต่อกันจะทำให้เกิดในช่องคลอดได้


หมอแนะนำว่าหลังจากเสร็จกิจใน ห้องน้ำ ให้ใช้ทิชชูซับแทนการเช็ด และต้องซับครั้งเดียว ไม่เกิน 10 วินาทีเป็นการหลีกเลี่ยงการเกิดเชื้อราได้ 50 % ด้วย
ทำไมเราถึงหาว รู้ไหม?


อาการหาว น้ำตาไหล น้ำมูกไหล เกิดจากปฏิกิริยาการตอบสนองของร่างกาย อาจมาจากการที่สมองขาดออกซิเจนไปชั่วขณะ หรืออาจได้รับก๊าซคาร์บอนมอนน๊อกไซต์มากเกินไป

แต่หากไม่อยากหาวบ่อย ๆ ก็ลองพยายามหาเวลาพักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่เคร่งเครียด หลีกเลี่ยงจากมลพิษ และอยู่ในบริเวณพื้นที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก รับรองอาการหาวของคุณจะค่อย ๆ ลดลง

แต่หากลองแล้วยังไม่ได้ผล ยังหาวอยู่เรื่อย ๆ วันละไม่ต่ำกว่า 30 ครั้งล่ะก็ แนะนำให้ไปพบแพทย์ตรวจร่างกายดีกว่า เพราะการหาวบ่อย ๆ แบบนี้เป็นสัญญาณเตือนว่าคุณอาจมีปัญหาเกี่ยวกับลักษณะการนอนและระบบทางเดินหายใจเข้าแล้ว


พลังบำบัดจากน้ำมะพร้าว

เดี๋ยวนี้มีน้ำผลไม้ให้เราเลือกดื่มมากมาย แต่รู้ไหมว่า น้ำมะพร้าวราคาถูกแสนถูกนี่แหละค่ะ ถือเป็นน้ำผลไม้ที่ดีที่สุดชนิดหนึ่ง


เพราะ นอกจากจะมีแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการแล้ว ยังมีประโยชน์ในการขับสารพิษและชำระล้างร่างกายด้วย ผู้หญิงคนไหนที่เป็นสิวหรือมีปัญหาประจำเดือนไม่ปรกติ น้ำมะพร้าวจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายขับของเสียออกมา ทำให้ร่างกายมีความสมดุลขึ้น


มะพร้าวมีลำต้นสูง ทำให้ธาตุอาหารต่างๆในดินที่ต้นมะพร้าวดูดขึ้นไปหล่อเลี้ยงลำต้นและผลต้องผ่านการกลั่นกรองตามชั้นต่างๆของลำต้นกว่าจะถึงผลที่อยู่ข้างบน น้ำมะพร้าวที่ได้มาจึงบริสุทธิ์มาก


น้ำมะพร้าวเป็นอาหารบริสุทธิ์ และเต็มไปด้วยกลูโคสที่ร่างกายดูดซึมเข้าไปใช้ได้ง่าย นอกจากนั้นมะพร้าวยังเป็นผลไม้ที่มีความเป็นด่างสูง


สามารถรักษาโรคที่เกิดจากร่างกายมีความเป็นกรดมากเกินไป หมอพื้นบ้านไทยถือกันว่า มะพร้าวเป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงเส้นเอ็น ใช้รักษาโรคกระดูกได้ ส่วนคนจีนเชื่อว่า มะพร้าวมีฤทธิ์เป็นกลาง ไม่เป็นทั้งหยินและหยาง


มีสรรพคุณในการขับพยาธิ สำหรับคนไข้ที่อาเจียนและท้องร่วงในเวลาเดียวกัน สามารถดื่มน้ำมะพร้าวเพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึมกลูโคสไปใช้ในเวลาอันรวดเร็วได้ น้ำมะพร้าวดื่มได้ทุกวัน ทุกเพศทุกวัย เพราะเป็นเครื่องดื่มจากธรรมชาติ ทำให้ร่างกายสดชื่น ไม่เป็นอันตรายเหมือนน้ำอัดลม


อย่างไรก็ตาม คนเป็นโรคไตและโรคเบาหวานไม่ควรดื่ม เพราะน้ำมะพร้าวมีความหวาน ไม่เหมาะกับโรคดังกล่าว


หากเปิดลูกมะพร้าว แล้วควรดื่มน้ำเลย ไม่ควรทิ้งไว้นาน ในส่วนของเนื้อก็ไม่ควรทิ้งไว้เกินครึ่งชั่วโมง (แม้จะเก็บในตู้เย็นก็ตาม) ควรกินให้หมดทีเดียว


ปัจจุบันหากต้องการดื่มน้ำมะพร้าว ควรระวังเรื่องสารฟอกขาว หากเป็นไปได้ควรซื้อมะพร้าวเป็นทะลายมาจากสวนโดยตรง ค่อยๆตัดทีละลูกจากทะลายเมื่อต้องการดื่ม น้ำมะพร้าวบริสุทธิ์ที่มาจากธรรมชาติแท้ๆ มีประโยชน์กว่าน้ำอัดลม น้ำหวาน หรือน้ำที่ผ่านการปรุงแต่ง เพราะไม่ทำให้เกิดพิษหรือท็อกซินขึ้นในร่างกาย

วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ปัญหาผมหงอกก่อนวัยนั้น ปัจจัยหลักมักเกิดจากความเครียด รองลงมาก็เรื่องพันธุกรรม ซึ่งผมหงอกก่อนวัยมักพบมากขึ้นในวัยรุ่นยุคปัจจุบัน อาจเป็นจากกรรมพันธุ์ สิ่งแวดล้อม ที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นการกินอาหาร ความเครียด ฯลฯ แต่โดยสรุปแล้วก็ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง




สาเหตุของอาการผมหงอกก่อนวัยนั้นมีได้หลายสาเหตุ

โดยอาจเกิดจากการขาดสารอาหารบางอย่าง เช่น การขาดแร่ธาตุทองแดง หรือจากยาบางตัว ที่มีผลต่อการสร้างเม็ดสีผม เช่น ยารักษามาลาเรีย Chloroquine และมีโรคหลายโรคที่มีผมหงอกร่วมด้วย เช่น โรคโลหิตจาง ภาวะไทรอยด์เป็นพิษ อารมณ์เครียดมาก หรือ หวาดกลัวเฉียบพลัน ฯลฯ

ภาวะผมหงอกก่อนวัยจะไม่มีผลต่อการหลุดร่วงของเส้นผม ยกเว้นจะมีโรคประจำตัวอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น ภาวะที่มีฮอร์โมน DHT สูง หรือ โรคซิฟิลิส

ส่วนวิธีแก้ปัญหาผมหงอกก่อนวันนั้น ทางการแพทย์ยังไม่มีทางป้องกันให้อัตราการเกิดผมหงอกลดลงและไม่มีทางรักษาให้หายได้ แนวทางแก้ไ มีอยู่ทางเดียวก็คือการเปลี่ยนสีผม หรือการย้อมผม ซึ่งบางคนก็จะปล่อยให้ผมขาวเป็นธรรมชาติไปเลย
ประเทศที่ขาดแคลนความคิดสร้างสรรค์

1. การเมืองของประเทศนี้ วนเวียนอยู่กับการใส่ร้ายป้ายสีด่าทอกัน นักการเมืองประเทศนี้จึงมีฝีปากกล้า ปัญญาด้อย เพราะมัวเสียเวลา ไปขุดคุ้ยหาเรื่องด่า จนไม่ค่อยมีเวลาคิดสร้างสรรค์พัฒนาบ้านเมือง

2. ละครประเทศนี้ ทุก ๆ สิบปี จะต้องมีบ้านทรายทอง ดาวพระศุกร์ และสลักจิต วนกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีกคนละครั้งสองครั้งเสมอ ไม่เชื่อไปถามนางสาวทองสร้อยดูได้

3. แฟชั่นของประเทศนี้ เน้นที่ยี่อห้อที่กำลังได้รับความนิยมในสังคมชั้นสูง สังเกตง่าย คนในประเทศนี้ เวลาออกไปไหนจะแต่งกาย ด้วยเสื้อผ้า กระเป๋า และรองเท้ายี่ห้อเดียวกันทั้งกลุ่ม

4. วงการเพลงของประเทศนี้ มีประวัติศาสตร์มายาวนาน ในการลอกเลียนทำนองเพลงของประเทศอื่น ๆ จนปัจจุบัน ได้ลามไปถึงการ ลอกมิวสิควีดีโอ ลอกเครื่องแต่งกาย ทรงผม ท่าเต้น ปกเทป ฯลฯ

5. การแจกรางวัลในประเทศนี้ ทั้งรางวัลของวงการบันเทิง หรือโฆษณาจะนิยมแจกกันงานละไม่ต่ำกว่า 4 - 5 โหล ทั้ง ๆ ที่มีผู้คิดสร้างสรรค์ อะไรใหม่ ๆ ขึ้นจริง ๆ ไม่ถึง 4 - 5 ราย

6. ในวงการโฆษณาที่ว่าเป็นแหล่งรวมนักคิดชั้นนำของประเทศนี้ ยังคงใช้วิธีเปิดหนังสือ และวีดีโอหนังโฆษณาของประเทศอื่น ๆ เพื่อก็อปปี้ เลียนแบบในประเทศนี้

7. นักศึกษาหญิงในคณะที่คะแนนสอบสูง ๆ ของประเทศนี้มีค่านิยมอยากทำงานเสิร์ฟบริการคนประเทศอื่นบนเครื่องบินมากกว่าอยากทำงาน ที่ได้ใช้สติปัญญาและความคิดสร้างสรรค์

8. เชียร์ลีดเดอร์ของประเทศนี้ ยังคงภูมิอกภูมิใจกับท่าเต้นเดิม ๆ โดยเฉพาะเชียร์ลีดเดร์ของสองมหาวิทยาลัยที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดในประเทศ ป้าคนที่เป็นเชียร์ลีดเดอร์รุ่นหนึ่งหลังสงครามโลก ก็ยังสามารถเต้นเข้าจังหวะกับทีมเชียร์ลีดเดอร์น้องใหม่รุ่นปัจจุบันได้ สันนิษฐานว่า คงมีคำสาปมาจากคุณป้ารุ่นแรกว่า ถ้าใครคิดสร้างสรรค์ท่าอะไรขึ้นมาใหม่ ๆ มันผู้นั้นจะต้องมีอันเป็นไป

9. ชื่อของประเทศนี้ ได้รับการตีพิมพ์บ่อยครั้งในกินเนสส์บุ๊คว่าเป็นเจ้าของสถิติที่สุดในโลกในด้านที่ไม่สร้างสรรค์อยู่มากมาย เช่น ไข่เจียวยักษ์ ธูปยักษ์ และล่าสุดจานบินทรงเจดีย์ยักษ์
ขณะนี้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูหนาว




ประชาชนมีโอกาสเสี่ยงจากความหนาวเย็น โดยเฉพาะหากพื้นที่ที่กำลังมีน้ำท่วมขังขณะนี้ ต้องเพิ่มความระมัดระวังดูแลสุขภาพเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากมีสภาพความเปียกชื้นสูงกว่าพื้นที่อื่น ๆ ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์สถานการณ์โรคของสำนักระบาดวิทยา พบว่า โรคในฤดูหนาว ส่วนใหญ่จะเป็นเชื้อในกลุ่มไวรัสที่สำคัญ ได้แก่ โรคหัด หัดเยอรมัน คางทูม ไข้สุกใส ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม


ตั้งแต่ต้นปี 2549 จนถึงขณะนี้ พบผู้ป่วยจาก 6 โรคดังกล่าวแล้ว 162,589 ราย เสียชีวิต 541 ราย ประกอบด้วย โรคหัด 2,464 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต โรคสุกใส 40,112 ราย เสียชีวิต 3 ราย โรคคางทูม 5,536 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต โรคปอดบวม 101,693 ราย เสียชีวิต 536 ราย และโรคไข้หวัดใหญ่ 12,780 ราย เสียชีวิต 2 ราย ได้ให้กรมควบคุมโรคเฝ้าระวังในพื้นที่น้ำท่วมขังเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากหากมีผู้ป่วยอาจจะแพร่ติดกันได้ง่าย เพราะประชาชนส่วนใหญ่มักอยู่รวมกันในบ้านเรือน


ประชาชนควรรักษาร่างกายให้แข็งแรงและสวมเสื้อผ้าให้ความอบอุ่นร่างกายอยู่เสมอ ทั้งนี้ โรคปอดบวมและไข้หวัดใหญ่ นั้น จะต้องมีการเฝ้าระวังและดูแลเป็นพิเศษในช่วงฤดูหนาว เนื่องจากเป็นโรคที่มีอาการสำคัญของโรคที่คล้าย และใกล้เคียงกับโรคไข้หวัดนก และอากาศหนาว ที่เริ่มเข้ามาก็เป็นปัจจัยเสริมด้านสิ่งแวดล้อม อาจทำให้เชื้อไวรัสไข้หวัดนกแพร่ระบาดได้