วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2552




วัน ลอยกระทง เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของชาวไทยส่วนใหญ่ ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติไทย หรือเดือนยี่ (เดือนที่ 2) ตามปฏิทินจันทรคติล้านนา "มักจะ" ตกอยู่ในราวเดือนพฤศจิกายน ตามปฏิทินสุริยคติ ประเพณีนี้กำหนดขึ้นเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์และขอขมาต่อพระแม่คงคา บางหลักฐานเชื่อว่าเป็นการบูชารอยพระพุทธบาทที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมทามหานที และบางหลักฐานก็ว่าเป็นการบูชาพระอุปคุตอรหันต์หรือพระมหาสาวก สำหรับประเทศไทยประเพณี ลอยกระทงได้กำหนดจัดในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่ติดกับแม่น้ำ ลำคลอง หรือ แหล่งน้ำต่าง ๆ ซึ่งแต่ละพื้นที่ก็จะมีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจแตกต่างกันไปในวันลอยกระทง ผู้คนจะพากันทำ "กระทง" จากวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ตบแต่งเป็นรูปคล้ายดอกบัวบาน ปักธูปเทียน และนิยมตัดเล็บ เส้นผม หรือใส่เหรียญกษาปณ์ลง ไปในกระทง แล้วนำไปลอยในสายน้ำ (ในพื้นที่ติดทะเล ก็นิยมลอยกระทงริมฝั่งทะเล) เชื่อว่าเป็นการลอยเคราะห์ไป นอกจากนี้ยังเชื่อว่าการลอยกระทง เป็นการบูชาพระแม่คงคาด้วย

วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2552




จากผลวิจัยพบว่า เด็กที่ถูกปลูกฝังการอ่านจากพ่อแม่ตั้งแต่แรกเกิด จะมีพัฒนาการที่ดีในทุกด้าน ทั้งสติปัญญา ทักษะทางภาษา คณิตศาสตร์ ด้านอารมณ์ และคุณธรรม


หนังสือเป็นแหล่งขุมทรัพย์ของความรู้มหาศาล และการที่เราได้อ่านหนังสือดีๆ สักหนึ่งเล่ม จะทำให้ไฟในการอ่านในตัว ถูกจุดขึ้นมา ดังนั้นรีบลองค้นหาหนังสือดีๆ จากเพื่อนๆ พี่ๆ เสีย เพราะยังมีหนังสือดีๆ เล่มต่อๆ ไป รอให้เราเปิดอ่านอยู่ รัฐบาลได้ประกาศเรื่อง การส่งเสริมการอ่านเป็นวาระแห่งชาติ โดยให้เริ่มในวันหนังสือเด็กแห่งชาติ 2 เมษายน 2552 ที่ผ่านมา และเริ่มโครงการเสริมการอ่าน ด้วยการส่งเสริมให้เกิดหนังสือดีราคาถูก ถึงมือเด็ก เยาวชน และผู้ปกครอง

1 ปี คนไทยอ่านหนังสือกี่เล่ม ?

แต่อัตราการอ่านหนังสือของคนไทยเฉลี่ยกลับเป็นไปในทางตรงกันข้าม โดยมีอัตราการอ่านหนังสือ 5 เล่มต่อคนต่อปี อัตราการซื้อหนังสือ 2 เล่มต่อคนต่อปี

ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านของเราอย่าง สิงค์โปร์และเวียดนาม มีอัตราการอ่านเฉลี่ย 40-60 เล่มต่อคนต่อปี อีกทั้งหนังสือที่คนไทยส่วนใหญ่อ่านคือตำราเรียน ซึ่งส่วนมากเกิดจากความจำเป็นอีกด้วย อัตราที่น้อยนิดนี้ ยังมีแนวโน้มลดลงตามลำดับเมื่อมีอายุสูงขึ้นด้วย

เป็นอัตราส่วนที่น่าใจหายแวบทีเดียว เพราะการอ่านเปรียบเหมือนการเพิ่มพูนความรู้ของเราให้ก้าวหน้า กว้างไกลยิ่งขึ้น ที่สำคัญยังปลูกฝังนิสัยดีๆ ต่างๆ เช่น รู้จักการยอมรับ ส่งเสริมจินตนาการ รักการอ่าน มีสมาธิ ฯลฯ

วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ทำดีต่อตนเอง >> เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้เราได้รู้สึกดีๆ และพร้อมที่จะแบ่งปันความสุขไปให้ผู้อื่น

1. ตื่นขึ้นมาอย่างกระตือรือร้นทุกเช้า พร้อมยิ้มแย้มแจ่มใสรับวันใหม่

2. ไหว้พระก่อนออกจากบ้านเพื่อเตือนสติและเพื่อสิริมงคลแก่ตน

3. สวัสดีคุณพ่อคุณแม่หรือผู้ใหญ่ก่อนและหลังกลับจากโรงเรียนหรือที่ทำงานทุกครั้ง

4. ตั้งใจไม่โมโห หรือไม่โกรธใคร อย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 วัน

5. ไม่พาตัวไปยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขทั้งปวง

6. อ่านหนังสือดีๆอย่างน้อยเดือนละครั้งเพื่อเสริมสร้างสติปัญญา และนำมาเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต

7. พูดคำว่า "ขอบคุณ" หรือ "ขอบใจ" ทุกครั้ง เมื่อผู้อื่นทำอะไรให้ เช่น ช่วยถือของ ให้บริการ

8. อย่าลืม "ขอโทษ" เมื่อทำผิดต่อผู้อื่นทั้งโดยตั้งใจ และไม่ตั้งใจ หรือเมื่อทำสิ่งใดผิดพลาด

9. มีหลักการ ยึดมั่นในคุณความดี และมีความเพียรพยายาม

10. ซื่อสัตย์ต่อตนเอง ด้วยการตั้งใจทำสิ่งใด ก็เพียรทำให้สำเร็จ ไม่เบี้ยวแม้แต่กับตนเอง

วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2552




อากาศร้อน และแดดแรง อย่างประเทศไทย


ครีมกันแดดจึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพผิว เมื่อต้องเลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับตัวเองมองดูฉลากข้างกล่องแล้วก็มีศัพท์ที่น่าสนใจ ให้เราต้องเลือกดังนี้


1. "SPF" ย่อมาจาก Sun Protection Factor เป็นค่าในการชี้วัดว่าเราสามารถอยู่กลางแสงแดดได้นานแค่ไหน โดยที่ไม่รู้สึกร้อนหรือแสบบริเวณผิว เช่นถ้าเรามีผิวที่แพ้แสงแดดและแสบร้อนง่ายในเวลา 20 นาที ครีมกันแดดที่มี SPF 15จะช่วยปกป้องเราจากแสงแดดได้นาน 15 เท่า และเมื่ออยู่กลางแดดมากๆ ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงขึ้น


2. "Waterproof" แม้จะเขียนว่า Waterproof (กันน้ำ) แต่ก็ไม่สามารถกันน้ำได้ 100% ดังนั้น เพื่อให้ได้ผลต้องทาครีมกันแดดอย่างต่อเนื่อง โดยทาซ้ำทุกครั้งที่เหงื่อออก หรือทุกครั้งในช่วงพักว่ายน้ำ


3. "UVA และ UVB" ถ้าเขียนไว้ว่า.. มี UVA หมายถึง ครีมกันแดดนั้น มีคุณสมบัติ ป้องกันกระ ฝ้า และป้องกันริ้วรอยเหี่ยวย่นก่อนวัย แต่ถ้าเขียนไว้ว่า.. มี UVB หมายถึง ครีมกันแดดนั้นมีคุณสมบัติ ป้องกันอาการแพ้ แดง แสบและไหม้ของผิวหนัง


ครีมกันแดด ไม่สามารถป้องกันแสงแดดได้ 100%ดังนั้น เมื่อต้องออกแดด เช่น เล่นกีฬากลางแจ้งควรสวมแว่นกันแดด หรือหมวกกันแดดจะป้องกันได้มากขึ้น ส่วนการทาผิวควรเกลี่ยครีมให้เรียบเสมอ และทาให้ทั่วบริเวณที่ต้องการปกป้องจากแดด


มะกอก... จัดเป็นผลไม้ที่มีเม็ดในแข็ง หนึ่งลูกจะมีหนึ่งเมล็ด เป็นพืชที่ทนได้ทุกสภาวะอากาศ ดอกมะกอกจะออกช่อในช่วงปลายฤดูหนาว มีดอกเล็กๆ สีขาว ผลจะโตเต็มที่ประมาณ 7-8 เดือนหลังออกดอกลำต้นจะสูงตั้งแต่ 3 เมตร จนถึง 18 เมตร ใบเรียวยาวสีเขียวเข้ม


มีหลากหลายพันธุ์ตัวผลมีรสขมและฝาด เมื่อแก่จัดสีจะเปลี่ยนจากเขียวจนเป็นสีคล้ำจนเกือบดำ มะกอกเป็นผลไม้ที่มีน้ำมันมากที่สุด ในผลมะกอกที่แก่จัด 100 กรัม ให้น้ำมันถึง 20-30 กรัม การสกัดเอาน้ำมันต้องเลือกผลที่แก่จัด จึงจะได้น้ำมันมะกอกที่มีประสิทธิภาพ


น้ำมันมะกอกถึงแม้จะมีแคลอรี่สูง แต่มีข้อดี คือ มีกรดไขมันชนิดที่เป็นประโยชน์กับร่างกายสูง ทำให้ไม่เกิดไขมันสะสมในร่างกาย และน้ำมันมะกอกยังช่วยให้คนที่มีอาการนอนกรนลดเสียงกรนให้เบาลงได้ ด้วยการกินน้ำมันมะกอกสำหรับทำอาหาร ซึ่งควรเลือกแบบ EXTRA VIRGIN OLIVE OIL เพราะ เป็นแบบบริสุทธิ์ มีสีเขียวเข้มใส และนิยมนำมาใช้ในการทำสลัด


กินสัก 4-5 หยดก่อนนอน ทำอย่างต่อเนื่อง และทำควบคู่ไปกับวิธีดูแลสุขภาพอื่นๆ ร่วมด้วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งการควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในระดับมาตรฐาน จะช่วยแก้ปัญหานอนกรนให้หมดไปได้

เพราะ...โรคร้ายที่เกิดขึ้นกับปอด ไม่ว่าจะเป็นโรคมะเร็งปอด เยื่อหุ้มปอดอักเสบ ถุงลมโป่งพอง วัณโรค โรคร้ายเหล่านี้มักจะส่งผลกระทบต่อการหายใจ เพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการไอ หายใจลำบาก
คุณแอนโธนี่ วี ชาวสิงคโปร์ได้คิดค้นวิธีการหายใจโดยประยุกต์หลายศาสตร์เข้าด้วยกัน กลายเป็น ‘ชี่ไดนามิกส์' เทคนิควิธีการหายใจ กำหนดจิตสร้างสมาธิ ช่วยปรับการหายใจให้หายใจได้เต็มปอด สามารถนำก๊าซออกซิเจนเข้าสู่ร่างกาย และขับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากร่างกายได้ดี


ก่อนฝึกหายใจแบบชี่ไดนามิกส์ ให้หาที่นอนในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก นอนหงายให้เท้าอยู่ในระดับสูงกว่าศีรษะ เพื่อให้โลหิตไหลเวียนได้สะดวก


จากนั้นหายใจออกช้า ๆ จนรู้สึกว่าลมหายใจออกหมด แล้วจึงเกร็งตัวพร้อมยำตัวขึ้นและขมิบก้นเล็กน้อยเพื่อไล่ลมออกเพิ่มเติม ต่อเนื่องด้วยการกลั้นหายใจเพียง 4 วินาที ครบแล้วให้หายใจเข้าช้า ๆ จนเต็มปอด กลั้นหายใจไว้ 4 วินาที และหายใจออก ทำในลักษณะเช่นเดียวกันนี้ราว 30 นาที - 1 ชั่วโมง เพื่อให้ปอดแข็งแรง และขยายตัวได้เต็มที่ อีกทั้งยังรู้สึกสดชื่น กระฉับกระเฉง.