วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2552

4 ปีในมหา’ลัย..ใช้ชีวิตอย่างไรให้คุ้ม?

ว่ากันว่าช่วงชีวิตแห่งการเป็นนักศึกษานั้น เป็นช่วงที่ความคิดจะถูกผูกติดให้เชื่อมโยงอยู่กับความฝัน ฉะนั้น จึงไม่แปลกที่หลายคนมักจะเลือกใช้เวลาระหว่างวัยเรียน ตักตวงหาประสบการณ์ต่างๆ ก่อนออกไปใช้ชีวิตจริงในสังคม และเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดเสียดายโอกาสที่มีค่ากันภายหลัง เพราะเงื่อนไขแห่งกาลเวลาที่ถูกตั้งกฎไว้ว่า “ไม่สามารถย้อนกลับมาได้” สี่ปีในรั้วมหาวิทยาลัย(บางคนอาจมากกว่านั้น) เราจะใช้ชีวิตนักศึกษาอย่างไรให้คุ้มค่า? ลองฟังทัศนะกันดู

เริ่มต้นที่คนแรก กับหนุ่มนักกิจกรรมที่คอนเฟิร์มว่าเขาใช้ชีวิตนักศึกษาแบบสุดคุ้ม กับตำแหน่ง นายกสโมสรนักศึกษา 2 ปีซ้อน นักกีฬามหาวิทยาลัย ทำงานพิเศษหลังเลิกเรียนอย่าง “ย้ง-กิตติโรจน์ อัศวอารีย์” นักศึกษาชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยศรีปทุม ที่เห็นว่าการใช้ชีวิตนักศึกษาให้คุ้มแนวทางหนึ่ง คือ ต้องทำกิจกรรม ซึ่งนอกจากการเป็นนักกิจกรรมที่ย้งทำอยู่ ไม่ว่าจะเป็นงานรับน้อง กิจกรรมค่าย การดูแลชมรม ให้อยู่ในกรอบและระเบียบต่างๆ แล้ว ย้งยังแบ่งเวลาสำหรับซ้อมกีฬา และวันเสาร์อาทิตย์ก็ยังทำงานเป็นครูสอนพิเศษไปด้วย

“การทำกิจกรรมแม้บางครั้งจะเหนื่อย แต่ก็เต็มไปด้วยสีสัน เพราะได้ประสานงานทั้งนักศึกษา อาจารย์ รวมถึงผู้บริหาร ทำแล้วผมมีความสุข และได้ประโยชน์กับตัวเองด้วย เช่น การเข้าหาผู้ใหญ่ การปรับตัว การฝึกความอดทน และที่สำคัญสุด ตรงนี้เป็นความทรงจำที่ดีของเรา และยังสามารถนำประสบการณ์ที่ได้จากการทำงานร่วมกับผู้คนที่หลากหลายไปใช้ประโยชน์ในอนาคตได้ด้วย”ย้งขยายความ

ย้ง และย้ำด้วยว่า การทำกิจกรรมช่วยให้เขาได้พัฒนาตัวเองหลากหลายด้าน เพราะเขาเองก็ได้เรียนรู้วิธีการทำงานจากผู้อื่นด้วย แต่ที่สำคัญการทำกิจกรรมจะต้องไม่ไปเบียดเบียนเวลาเรียนจนทำให้ต้องเสียการเรียน

ขณะที่ “ออย-ธารทิพย์ พ่อค้า” บัณฑิตหมาดๆ จากคณะแพทยศาสตร์ รั้วแม่โดม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่ค่อยได้ทำกิจกรรมเหมือนคนอื่น แต่ก็ใช้เวลาเรียนอย่างจริงจัง และทุ่มเทถึง 6 ปีในการสั่งสมความรู้ ออย เล่าถึงการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยอย่างคุ้มค่าของตนเองว่า เที่ยวเล่นสนุกสนาน แต่ก็เรียนอย่างหนัก และยึดหลักการแบ่งเวลา “จริงๆ อยากเรียนนิเทศศาสตร์มากๆ เพราะเข้ากับตัวเองมากกว่าการเรียนหมอที่ดูเครียด แต่แม่อยากให้เรียนหมอ สุดท้ายเราตัดสินใจเชื่อแม่ จากนั้นจึงคิดว่าต้องทำให้ดีที่สุด เพราะเรื่องเรียนเป็นหน้าที่ของเรา อย่าทำให้พ่อแม่ผิดหวัง ซึ่งระหว่างนั้นก็มีทั้งเรียนทฤษฎีและฝึกงาน ซึ่งจากเดิมช่วงเรียนทฤษฎีหนักๆ เราก็ยังเฉยๆ กับการเรียน แต่พอช่วงฝึกงานได้ฝึกอยู่แผนกสูตินารีเวช ได้ทำงานกับเด็ก ก็รู้สึกชอบและตักตวงความรู้ได้มากกว่าเดิม ”

ถึงวันนี้ “ออย” ปฏิบัติหน้าที่แพทย์ประจำโรงพยาบาลในถิ่นบ้านเกิดที่ จ.อ่างทอง โดยออยแนะถึงเทคนิคง่ายๆ ในการเรียนว่า ต้องพยายามตักตวงความรู้ให้ได้มากที่สุด แต่ก็ต้องรู้ลิมิตของตัวเอง อย่าปล่อยให้ตัวเองคร่ำเคร่งกกับารเรียนมากเกินไป

“สำหรับออย หากวันไหนขี้เกียจก็พักผ่อน เที่ยวเล่นปกติ แต่ต้องแยกแยะหากวันไหนเรียนก็จะจริงจัง และตั้งใจเรียน”

ขณะ “แนน-วิณุรา มหามิตร” บัณฑิตจากรั้วมหาวิทยาลัยรามคำแหง เปิดเผยว่า การใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยให้คุ้มค่า จะต้องไม่เสียดายภายหลังที่ไม่ได้ทำสิ่งนั้นๆ เพราะขณะที่เรียนอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยนั้น ไม่ได้ทำกิจกรรมกับเพื่อน เช่น การออกค่าย หรือกิจกรรมอื่นๆ

“ช่วงเรียนปริญญาตรี แนนทำงานไปด้วยและเรียนไปด้วย จึงไม่ได้ทำกิจกรรมในมหาวิทยาลัย หรือของคณะ ประกอบกับมหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นมหาวิทยาลัยเปิด ชั้นเรียนที่เรียนไม่ได้เรียนกันแค่ห้องเดียว แต่เป็นการเรียนรวมทำให้มีเพื่อนที่มหาวิทยาลัยค่อนข้างน้อย เราจึงสนิทกับเพื่อนช่วงมัธยมมากกว่า ทำให้เสียดายประสบการณ์ที่เราควรจะมีในช่วงวัยเรียน”

อย่างไรก็ตาม แนนตั้งใจว่าจะแก้ตัวในช่วงที่เธอศึกษาปริญญาโท คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แม้ว่าจะไม่สนุก และมีสีสันเท่าชีวิตในช่วงปริญญาตรีก็ตาม
เอาล่ะทุกคนชาวรั้วมหาวิทยาลัยได้ฟังอย่างนี้แล้ว อย่างไรก็ดี ไลฟ์ ออน แคมปัสขอแนะเลยแล้วกันว่า อย่าลังเลที่จะใช้ชีวิต 4 ปีในมหาวิทยาลัยให้คุ้มค่า อะไรที่ยังไม่ได้ทำ ฝันไหนที่ยังไม่ได้ตามหาอย่ามัวแต่ลังเล รีบปรี่เข้าไปทำตามฝัน จะได้ไม่ต้องมานั่ง “เสียดาย”ในภายหลังเหมือนหลายๆคน... แล้วจะหาว่าแคมปัสไม่เตือน และสำหรับใครที่มีประสบการณ์ในรั้วมหาวิทยาลัยที่สุดแสนประทับใจ และทรงคุณค่า อยากนำความทรงจำดีๆ มาถ่ายทอดแลกเปลี่ยนกับเพื่อนๆ ต่างมหาวิทยาลัย ส่งเรื่องราวมาได้ที่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น